ข่าวบอล

ข่าวกีฬา เฟอร์กูสันชี้จุดเปลี่ยนที่ทำให้อาร์เซน่อลยุคเวนเกอร์สุดโหด

ข่าวกีฬา  เฟอร์กูสันชี้จุดเปลี่ยนที่ทำให้อาร์เซน่อลยุคเวนเกอร์สุดโหด

ข่าวกีฬา   เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ระบุ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในสมัยก่อนได้นั้น คือการเปลี่ยนให้ เธียร์รี่ อองรี มาเป็นกองหน้า พร้อมยอมรับว่าสมัยนั้น “ไอ้ปืนใหญ่” แกร่งจนสามารถขึ้นไปอยู่เหนือ “ปีศาจแดง” ก็ยังได้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าการเปลี่ยนให้ เธียร์รี่ อองรี ขยับจากตำแหน่งปีกมาเป็นกองหน้าคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่เก่งมากๆ จนก้าวขึ้นมาลุ้นแย่งแชมป์ลีกกับ “ปีศาจแดง” ได้

เฟอร์กูสัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จมาที่สุดบนเวทีฟุตบอลอังกฤษ แต่ในช่วงหนึ่งนั้นเขาก็ต้องขับเคี่ยวกับ อาร์เซน่อล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ อย่างดุเดือดจนทำให้ทั้ง เฟอร์กูสัน กับ เวนเกอร์ รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ถือเป็นคู่ปรับเบอร์ 1 ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีอยู่พักใหญ่

ทั้งนี้ อดีตยอดกุนซือชาวสกอตต์ได้รับเชิญให้กล่าวถึง เวนเกอร์ ในภาพยนตร์สารคดีของ เวนเกอร์ ที่เตรียมจะฉายในเร็วๆ นี้ด้วย ซึ่งมันมีการเผยแพร่คลิปบางส่วนออกมาก่อน และในช่วงหนึ่ง เฟอร์กูสัน ก็บอกว่า “ความเป็นอริกันมันเลวร้ายอยู่พักหนึ่งเลย ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่น่ากลัวคือการปรับการใช้งาน อองรี จำนวนประตูที่เขาทำได้มันยอดเยี่ยมมากๆ”

“เมื่อคุณเงยหน้าดูกระจกหลังจนเห็นคนที่กำลังไล่ตามคุณแล้วน่ะคุณก็จะเหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อที่จะเร่งความเร็วฉีกหนีอีกฝ่ายให้ได้เป็นธรรมดา ตอนนั้น อาร์เซน่อล กำลังขึ้นมาไล่ทาบเรา ทีมของพวกเขามีศักยภาพดีพอที่จะขึ้นไปอยู่เหนือเราได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องสงสัยถึงเรื่องนั้นเลย”

สำหรับ อองรี นั้น เคยเล่นเป็นปีกสมัยอยู่กับ อาแอส โมนาโก และ ยูเวนตุส ก่อนที่ เวนเกอร์ จะขยับเขาไปเป็นกองหน้าในตอนที่ทั้งคู่ร่วมงานกันที่ อาร์เซน่อล และมันก็ทำให้อดีตหัวหอกชาวฝรั่งเศสระเบิดฟอร์มสุดโหดออกมาได้จนถึงขั้นทำประตูให้ อาร์เซน่อล ไปทั้งหมด 226 ลูกจากการลงเล่น 370 นัดในทุกรายการ ในสมัยแรกที่ อองรี อยู่กับทีมของ เวนเกอร์ ก่อนที่เขาจะยิงเพิ่ม 2 ลูกจาก 7 นัด ในตอนที่กลับมาเล่นให้ทีมแบบยืมตัวเมื่อซีซั่น 2011-12

ขอบคุณข่าว :  www.siamsport.co.th

อ่านต่อได้ที่  :  www.uk4u.org